หนึ่งในคำถามแรกๆที่ผู้ซื้อเครื่องพิมพ์ DTG จะต้องถามตัวเอง คือ “เราควรจะตั้งราคาค่าพิมพ์ยังไงดี?”
หลายปีที่ผ่านมา (ก่อนที่เครื่องพิมพ์ DTG จะเข้ามาสู่โลกแห่งการพิมพ์อย่างจริงจัง) ราคาถูกตั้งจากการพิมพ์ซิลค์สกรีน, ซึ่งจะมีค่าขึ้นบล็อคสูง, จำนวนขั้นต่ำ และ ค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นเมื่อจำนวนสีมากขึ้น ผลลัพธ์คือเสื้อจะมีราคาสูงในจำนวนโหลแรก และราคาจะลดลงเมื่อจำนวนพิมพ์ลายเดิมเพิ่มมากขึ้น
เมื่อ DTG เข้ามาถึง มันทำให้โครงสร้างราคาเป็นเส้นตรง ด้วย DTG คุณไม่จำเป็นต้องบังคับให้มีขั้นต่ำ, คุณสามารถพิมพ์ให้เสื้อแต่ละตัวไม่เหมือนกันได้, และคุณสามารถพิมพ์สีได้จำนวนไม่จำกัด แม้ว่าคุณจะพิมพ์สีเดียวหรือพิมพ์เป็นพันสี ต้นทุนของคุณก็ยังเท่าเดิม
ด้วยต้นทุนที่ค่อนข้างคงที่และกระบวนการพิมพ์ที่ง่ายขึ้น โรงพิมพ์ก็สามารถโฟกัสกลยุทธ์ด้านราคาให้เหมาะที่สุดสำหรับธุรกิจและลูกค้าได้ แล้วอะไรล่ะที่คุณต้องนึกไว้ตลอดเวลาที่จะสร้างกลยุทธ์ราคา
ลองพิจารณา 5 คำถามเหล่านี้:
สไตล์เสื้อแบบไหนที่ลูกค้าต้องการ
เสื้อเปล่าแบบไหนที่เราใช้อยู่ ความยาวแขน, ความหนาของผ้า, ความนุ่มของผ้า, เสื้อฮู้ด, มีซิปไหม, ฯลฯ นี่เป็นทางเลือกหนึ่งส่วนหนึ่งที่ลูกค้ามักจะต้องการ บางคนอาจจะเฉพาะเจาะจงแบรนด์มา บางคนอยากเอาเสื้อมาเอง บางคนแม้แต่อยากได้เสื้อถูกที่สุดเท่าที่คุณจะหาได้
สีเสื้อที่ต้องการเป็นแบบไหน
สีของเสื้อเป็นประเด็นใหญ่ที่สุดในการคำนวณราคาการพิมพ์ DTG
เสื้อสีอ่อนจะง่ายที่สุด ค่าหมึกจะอยู่ระหว่าง 3.4-7.0 บาทบนเสื้อสีขาว หัวพิมพ์แค่ต้องวิ่งผ่านเพียงรอบเดียวเพื่อพิมพ์สี่สี CMYK หมายความว่าใช้หมึกจำนวนน้อยมากแล้วก็ใช้เวลาพิมพ์เพียงนิดเดียว
ผ้าสีเข้มจะทำงานแตกต่างจากผ้าสีอ่อนอยู่ไม่มาก ผ้าเข้มจะต้องพิมพ์หมึกสองชั้นด้วยกันคือ หมึกสีขาวเป็นรองพื้น และสี่สี CMYK เป็นชั้นบน
ยกตัวอย่าง การพิมพ์ที่หน้าอกซ้ายจะมีต้นทุนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับการพิมพ์เต็มหน้า คุณจำเป็นต้องคิดต้นทุนของปรีทรีทเม้นด้วย หมึกขาวจำเป็นต้องอาศัยปรีทรีทเมนท์เพื่อให้สีขาวขึ้นมาชัด ต้นทุนของปรีทรีทอยู่ประมาณ 17 บาทต่อตัว
ลูกค้าต้องการพิมพ์เสื้อจำนวนทั้งหมดกี่ตัว
มันเป็นเรื่องธรรมดาถ้าหากจำเป็นต้องให้ส่วนลดบ้างสำหรับลูกค้าที่ต้องการพิมพ์เสื้อมากกว่าหนึ่งตัว ส่วนลดก็แปรผันไปตามการแข่งขันในพื้นที่ร้าน แน่นอนราคาของเสื้อต่อตัวของคนที่สั่ง 50 ตัวย่อมต่ำกว่าที่สั่งตัวเดียว ในขณะเดียวกันถึงแม้การปรับเปลี่ยนลายของ DTG จะง่าย คุณควรจะเพิ่มค่าพิมพ์ถ้าหากเสื้อแต่ละตัว มีการปรับแต่งไม่เหมือนกันเพื่อครอบคลุมค่าแรงในการเตรียมอาร์ตเวิร์ค
จะต้องปรับอาร์ตเวิร์คแค่ไหน
ลูกค้าบางคนจะมาหาคุณพร้อมกับไฟล์ที่ไม่ต้องปรับแต่งอะไรเลย คุณแค่ต้องอัพโหลดขึ้นบน RIP ซอฟต์แวร์ อย่างไรก็ดีลูกค้าส่วนมากจะมาพร้อมกับไฟล์ที่ต้องปรับ อาจจะเป็นงานง่ายๆแค่เพียงปรับพื้นหลังให้ใส จนถึงขึ้นปรับทั้งรูป คิดเผื่อถึงปริมาณเวลาและต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และคิดราคาเพิ่มไปด้วย คุณอาจจะเลือกคิดเป็นรายชั่วโมงก็ได้
ในขณะเดียวกันก็อย่าพึ่งไปคิดว่าคุณต้องทำเรื่องพวกนี้เอง มีกราฟฟิคดีไซน์เนอร์ฟรีแลนซ์เยอะแยะที่สามารถจะทำงานเหล่านี้ให้คุณได้ด้วยราคาที่เหมาะสม ตัวผมเองใช้ IgnitionDrawing.com และยังมีตัวเลือกอีกเยอะแยะ คุณยังจะได้งานคืนมาภายใน 24 ชั่วโมงอีกด้วยต้นทุนเพียง 510 บาท/2 ชั่วโมง
ผมเชื่อมั่น 100% ว่าวันนึงจะมีเทคโนโลยีอะไรซักอย่างมาแก้ปัญหานี้แต่มันแค่ยังไม่ใช่วันนี้
คำถามพิเศษ
“ต้องการขนมจีบกับซาลาเปาด้วยมั๊ยคะ”
พยายามมองหาโอกาสในการเพิ่มกำไรและยอดขาย หนึ่งในไอเดียที่ง่ายแล้วก็กำไรเห็นๆคือการเพิ่มออปชั่นการพิมพ์ฟอยล์ การใส่ฟอยล์ลงไปในงานพิมพ์ของคุณมันง่ายแค่การแทรกขั้นตอนไปอีกหนึ่งขั้นตอนในกระบวนการพิมพ์และต้นทุนวัตถุดิบแค่ประมาณ 3.4 บาท อย่างไรก็ดี ลูกค้ามักจะยอมจ่าย 170 ถึง 340 บาท เพิ่มจากราคาค่าพิมพ์มาตรฐานอยู่แล้ว
ลองเสนอการพิมพ์บนแขนเสื้อ, กระเป๋า, หรือด้านหน้าด้านหลังของเสื้อเพิ่ม อย่าจบแค่ออเดอร์พื้นฐานธรรมดา และจงมองหาวิธีที่จะเพิ่มมูลค่าให้กับลูกค้าในขณะเดียวกันก็เป็นการเพิ่มกำไรให้กับธุรกิจ
แล้วราคาจะออกมาหน้าตายังไงล่ะ? ในหลายปีที่ผ่านมาทีมของ ดีทีจีคอนเนคชั่นได้ร่วมงานกับเจ้าของธุรกิจ DTGหลายพันคน ถึงแม้โมเดลธุรกิจและตลาดจะแตกต่างกัน ข้างล่างนี้เป็นคำแนะนำด้านราคาตามปัจจัยต่างๆที่ผมได้แนะนำไปก่อนหน้านี้และสิ่งที่เราได้พบเห็นและได้ยินมาจากลูกค้า อย่างที่เคยกล่าวไว้คุณอาจจำเป็นต้องปรับตัวเลขบางตัวตามทำเลที่คุณอยู่ หรือ โมเดลธุรกิจของคุณ ลองค้นหาดูว่าคู่แข่งที่อยู่ใกล้ๆนั้นคิดราคายังไง
อย่างที่คุณเห็น ต้นทุนของสินค้าขายต่ำมากเมื่อเทียบกับราคาขายจริงของเสื้อพิมพ์ DTG ซึ่งเป็นเรื่องดีมากในการคืนทุนค่าเครื่องของคุณ
อดัม ทิปร์ จาก ดีทีจี คอนเนคชั่น
อดัมมีประสบการณ์หลากหลายในโลกของการพิมพ์ เค้าอาจจะบอกคุณว่าความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของเขาคือการช่วยธุรกิจขนาดเล็กในการปรับปรุงกิจการ ด้วยปริมาณลูกค้ากว่า 2,000 รายในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เค้าได้พบและช่วยผู้คนต่างๆให้สามารถเปลี่ยนวิถีชีวิตในอุตสาหกรรมการพิมพ์ ประสบการณ์ของเขาไม่ได้หยุดแค่นั้น อดัมยังช่วยเจรจาและพัฒนาโรงพิมพ์ให้กับผู้ผลิตเสื้อผ้ารายใหญ่ระดับประเทศ ใช้ได้ประสิทธิผลมากสุดประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อให้ได้สินค้าที่ดีที่สุดสู่ผู้ใช้งาน