คำตอบที่เรามักได้ยินกันเมื่อมีใครซักคนถามถึงวิธีแก้ปัญหาเรื่องคราบจากการพิมพ์ DTG คือ “เปลี่ยนปรีทรีตฯ” แต่จริงๆแล้วปรีทรีตเม้นท์คือต้นเหตุของปัญหาจริงๆหรือเปล่า? ทำไมโรงพิมพ์ใหญ่ๆก็ใช้ปรีทรีตยี่ห้อเดียวกับเราแล้วไม่เกิดปัญหา เราจะมาพูดถึงปัญหานี้แบบเจาะลึกกัน
ปัญหาที่เราได้ยินกันมากที่สุดจากการพิมพ์ DTG คือรอยคราบ, รอยไหม้ หรือ การเปลี่ยนสีของเสื้อ ให้เห็นทันทีหลังผ่านการรีดจากเครื่องรีดร้อน โชคดีที่ปัญหาเหล่านี้แก้ไม่ยาก
เสื้อมีคราบเกลือเป็นดวงๆบนเสื้อสีเข้ม
แทนที่เสื้อจะเปลี่ยนสีไป บางครั้งเรากลับเห็นพื้่นที่ที่เราพ่นปรีทรีตเหมือนมีคราบเกลือเกาะอยู่บนเสื้อเป็นดวงๆ ปัญหานี้เกิดจากน้ำของน้ำยาปรีทรีตฯที่ระเหยจากเสื้อถูก “กัก” ไว้ระหว่างเสื้อกับฮีตเตอร์ คุณจะเจอปัญหานี้เมื่อตั้งแรงกดสูงเกินไปเช่นกัน และใช้กระดาษรองซับที่คุณภาพไม่ดี
- ใช้เทคนิคการ “อัง” เตารีดเมื่อต้องการให้ปรีทรีตฯแห้ง วิธีการคือกดตัวรีดให้เมื่อกดลงเข้าที่แล้วฮีตเตอร์อังอยู่เหนือเสื้อ หลังจากนี้ให้ยกฮีตเตอร์ขึ้นเพื่อให้ไอน้ำได้ระบาย หลังจากนั้นค่อยรีดตามแรงกดและเวลาที่ต้องการ
- หรือหากเครื่องรีดที่ใช้อยู่ เราไม่สามารถตั้งให้มัน “อัง” ได้ เราสามารถกดรีดเป็นช่วงสั้นๆซ้ำๆกันเป็นช่วงๆ ลองสังเกตุไอน้ำที่ระเหยทุกครั้งที่ยกแป้นฮีตเตอร์ขึ้น
รอยคราบที่เกิดหลังการใส่
บางครั้งคุณอาจจะมีลูกค้าที่ซื้อเสื้อไปแล้ว ใส่แล้ว และพยายามนำกลับมาเคลม โดยมากเป็นบนเสื้อสีเทาสปอร์ตเกรย์, เฮทเทอร์เกรย์ และ สีขาว ที่ปรีทรีตฯทำปฏิกริยากับรังสี UV ในแสงแดด จริงๆมันก็เป็นบนเสื้อสีอื่นๆด้วยเพียงแต่เรามักจะมองไม่เห็น
- เปลี่ยนน้ำยาปรีทรีตฯ ให้เป็นรุ่นที่ใช้กับเสื้อขาว น้ำยาปรีทรีตที่ขาย(โดยเฉพาะในต่างประเทศ) มีการแยกรุ่นสำหรับเสื้อขาวและเสื้อดำ และโดยมากน้ำยาสำหรับเสื้อขาว ตัวน้ำยาจะอ่อนกว่า (และราคาถูกกว่า) เพื่อให้เกิดปัญหาหลังการพิมพ์น้อยที่สุด
- แนะนำให้ลูกค้าซักก่อนการใส่ออกแดด เพราะน้ำจะช่วยชะล้างน้ำยาปรีทรีตส่วนเกิน เพราะเมื่อเกิดคราบสีแล้วจะไม่สามารถซักออกได้เลย
ปัญหาอื่นๆ
แน่นอนว่าเสื้อแต่ละตัวก็มีปัญหาต่างกันออกไป ผู้ที่มีประสบการณ์จะทราบว่าเสื้อสีแดงมันมีปัญหาการเปลี่ยนสีเมื่อร้อน และจะเปลี่ยนสีกลับเมื่อเย็นตัวลง เสื้อสีฟ้าบางตัวเห็นคราบได้ชัดมาก และคุณควรปรับแรงกดและอุณหภูมิมากกว่าเสื้อสีอื่นมาก
ความจริงอย่างหนึ่งของการพิมพ์ DTG คือ เสื้อใดก็ตามที่มีส่วนผสมของโพลีเอสเตอร์จะมีแนวโน้มจะเกิดคราบมากกว่าเมื่อรีด DTG เป็นเทคโนโลยีที่ถูกทำมาสำหรับเสื้อเส้นใยฝ้าย 100% เพราะฉะนั้นมันจะยากอยู่แล้วที่จะพิมพ์เสื้อเส้นใยผสม หรือผ้าโพลีเอสเตอร์ (สามารถกลับไปย้อนดูบทความเก่าเรื่องการพิมพ์บนเสื้อโพลีเอสเตอร์ได้)
ก่อนปัญหาจะเกิด
ในวันแรกๆคุณอาจเข้าใจว่าการพิมพ์ DTG นั้นง่ายแบบใครๆก็ทำได้ ลงทุนเครื่องพิมพ์หนึ่งตัว เครื่องรีดหนึ่งตัวก็จบแล้ว ต่อเมื่อได้ทำงานที่หลากหลายจริงๆ คุณก็จะพบว่าประสบการณ์และเทคนิคเล็กๆน้อยเหล่านี้นี่ล่ะที่แยกระหว่างมืออาชีพและมือสมัครเล่นออกจากกัน เห็นได้ชัดแล้วว่าการใช้เครื่องรีดร้อนเพื่อรีดน้ำยาปรีทรีตให้แห้งบนเสื้อ และรีดลายหลังการพิมพ์นั้นมีการตั้งค่าต่างกัน และเพื่อให้ได้งานต่อเนื่องการมีเครื่องรีด 2 ตัวนั้นดูท่าว่าจะให้ผลลัพธ์ดีกว่าการมีเครื่องรีดแค่ตัวเดียว และเราจะพบอีกว่าปัญหาส่วนมากมาจาก แรงกด, อุณหภูมิ และการ “กัก” ไอน้ำไว้ระหว่างผ้าและฮีตเตอร์ เพราะเป็นการให้ความร้อนแบบมีการสัมผัส
ทำให้อีกทางเลือกหนึ่งคือเครื่องอบสายพานความร้อน(ไม่ว่ายี่ห้อใดก็ตาม) เป็นที่นิยมมากขึ้น เพราะตัดประเด็นที่จะเป็นปัญหาออกไปเกือบทั้งหมด
- เป็นการให้ความร้อนแบบไม่สัมผัส ไม่มีแรงกด
- สะดวกใช้การตั้งค่าเดียวสำหรับการทำให้น้ำยาปรีทรีตฯแห้ง และการอบสี
- ประหยัดแรงงาน และไม่สับสนในการทำงาน
- ไม่จำเป็นต้องใช้กระดาษซับ
หวังว่าไม่ว่าจะเป็นวิธีการในการแก้ปัญหาใดในบทความนี้จะทำให้คุณทำงานได้ง่ายขึ้น สูญเสียน้อยลง และสร้างความประทับใจกับลูกค้าได้อย่างยืนนาน