(005) โรงพิมพ์เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสมูลค่า 2.8 ล้านบาทให้ธุรกิจอื่นๆในชุมชนได้อย่างไร?

บทความของ อเล็กซานเดรีย บรู๊ซ 25 สิงหาคม 2563

ในเมืองวิลกี้ส์-บารร์ เพนซิลเวเนีย

 แอ็กเซลราด สกรีนปริ้นติ้ง ก็ให้บริการปัก, พิมพ์สกรีน และฮีตทรานสเฟอร์ จนถึงออกแบบและพัฒนาแบรนด์เหมือนบริษัทอื่นๆโดยทั่วไป

แต่เมื่อโควิด19 เข้ามาทำให้เกิดผลกระทบและการปิดธุรกิจไปทั่ว โทนี่ เบเววิโน่ ได้เล่าให้ฟังว่าเขาก็จำเป็นต้องลดจำนวนพนักงานให้เหลือแต่แกนๆเหมือนกัน พนักงานออฟฟิศก็ทำงานจากบ้าน พนักงานฝ่ายผลิตก็มา แต่ทำออเดอร์ทีี่เข้ามาไม่ค่อยมาก

โชคดีหน่อย ที่เราสามารถจะขายหน้ากากผ้า ซึ่งเป็นของจำเป็นตอนนั้น และมันก็ค่อยๆทำให้เราจ้างพนักงานกลับมาได้แต่ทีละเล็กละน้อย” โทนี่กล่าว

หลังจากที่เขาระดมสมองและพูดคุยกับธุรกิจ

ในละแวกเดียวกันที่มีเพื่อนๆและญาติเป็นเจ้าของ ตัวเขาก็เริ่มต้นโครงการระดมทุนด้วยเสื้อยืด ซึ่งไม่ใช่แค่ระดมทุนได้เกือบ90,000 เหรียญ (หรือกว่า 2,800,000 บาท) แต่ยังสามารถทำให้โรงพิมพ์ยังเปิดงานอยู่ได้ ในชั่วเวลาที่สับสนแบบนั้น ความยากจะอยู่ที่ว่าจะสื่อสารกันทางไกลยังไง ในขณะงานก็ต้องทำที่โรงงานอยู่งานสกรีนเป็นงานที่ต้องลงมือทำ ซึ่งโดยปกติสมาชิกในทีมก็ต้องเดินเข้าออกฝ่ายผลิตเพื่อเช็คคุณภาพ หรือแก้ไขปัญหา ซึ่งมันจะยากมากหากต้องทำงานจากบ้าน” โทนี่อธิบาย “และเหมือนกับคนอื่นๆ ที่ยากที่สุดคือยอดขายที่ตกลง ลูกค้าหดหายไป เพราะส่วนมากก็ไม่อยากใช้เงินกัน และบ้างก็เริ่มปิดกิจการ”
เมื่อถูกถามว่าปัญหาอย่างที่กล่าวมาใช่ไหมที่เป็นตัวเร่งที่ทำให้เกิดโครงการระดมทุนที่ชื่อว่า “เชิ๊ตออฟเอาเออร์แบ็ค” โทนี่กล่าวว่า “โครงการ เชิ๊ตออฟเอาเออร์แบ็ค เกิดขึ้นจากหลายไอเดียหนึ่งในนั้นมาจากคำถามที่ว่า ทำยังไงที่เราจะมีรายได้ เพื่อจะให้พนักงานกลับมาทำงานได้เร็วที่สุด อีกอันคือทำยังไงที่จะช่วยคนอื่นๆที่ไม่โชคดีพอที่จะเปิดธุรกิจได้” เขาอธิบายว่า แอ็กเซลราด ก็เหมือนกับโรงพิมพ์อื่นๆที่ยังพอปิดประตูหน้าบ้าน แต่หลังบ้านยังสามารถทำงาน, ผลิตสินค้า และยังพอหารายได้”ธุรกิจอื่นๆที่เป็นของเพื่อนและครอบครัว จะอยู่ได้ขึ้นอยู่กับลูกค้าที่เดินเข้าร้านหรือการติดต่อระหว่างคนต่อคนเพียงอย่างเดียว และนั่นทำให้ผมเกิดแรงบันดาลใจ”   โครงการระดมทุนก็ตรงไปตรงมา แอ็กเซลราด สร้างร้านบนหน้าเว็บ รวมให้ธุรกิจท้องถิ่นเข้ามาขายเสื้อในราคา 15 เหรียญ (480 บาท) ขายได้ 5 เหรียญก็ไปเป็นค่าพิมพ์และผลิตของแอ็กเซลราด ที่เหลือ 10 เหรียญก็ตรงไปหาเจ้าของธุรกิจนั้นๆ
เมื่อถามถึงว่าทำยังไงที่จะให้ธุรกิจต่างๆมาเข้าร่วม โทนี่ก็บอกว่าผู้เข้าร่วม 10 คนแรกก็เป็นเพื่อนกับครอบครัวนั่นล่ะ เขาแค่ต้องการฟีดแบ็คของไอเดียนี้ และอยากรู้ว่าถ้าเป็นพวกเขาเหล่านั้น จะอยากมาเข้าร่วมไหม หลังจากเปิดเว็บสโตร์ และ 10 ธุรกิจที่ว่าเริ่มจะโปรโมต โดยใช้เนื้อหาที่แอ็กเซลเรดเป็นคนช่วยทำ โครงการนี้ก็แพร่ไปเร็วเหมือนไฟลามทุ่งเลยทีเดียว โรงพิมพ์ได้รับอีเมลเป็นร้อยๆฉบับและดูเหมือนว่าจะมีคนสนใจแบบไม่มีที่สิ้นสุดพอมีธุรกิจเข้ามาร่วมเพิ่มมากขึ้นผู้คนก็เริ่มจะแชร์ไปยังโซเชียลมีเดียต่างๆ ยอดซื้อก็เติบโตขึ้นเร็วกว่าที่เราคาดหวังไว้ตอนแรกมากๆ” โทนี่กล่าว โรงพิมพ์เริ่มเปิดตัวร้านออนไลน์ในวันที่ 6 เมษายน โดยมีเป้าหมายแค่ระดมทุนประมาณ 10,000 เหรียญ (ประมาณ 320,000 บาท) วันสุดท้ายของโครงการคือวันที่ 2 มิถุนายน ซึ่งเป็นไม่กี่วันก่อนที่ทางการจะอนุญาตให้เปิดทำธุรกิจได้ ระยะเวลา 57 วันนั้น แอ็กเซลราด ระดมทุนให้กับธุรกิจอื่นๆในชุมชนได้ถึง $87,550 (ประมาณ2,800,000 บาท) และตัวเองก็ยังมีรายได้สามารถดูแลพนักงานตัวเองได้อีกด้วย
เราเริ่มต้นด้วยเป้าหมายแค่ 10,000 เหรียญ และถึงเป้าในระยะเวลาแค่เพียงหกวัน” โทนี่อธิบาย “มันแสดงให้เราเห็นว่าคนทั่วไปห่วงใยกันขนาดไหน แล้วถึงวันนี้เมื่อไหร่ก็ตามที่เราเห็นเสื้อเหล่านั้นในที่สาธารณะ มันเป็นสิ่งเตือนใจอย่างดีว่า เราได้สร้างอะไรดีๆชุมชนของเราไปบ้าง” นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก โทนี่กล่าวว่าเขา “รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณกับคนทั่วไปมาก” ที่ช่วยซัพพอร์ตพนักงานของแอ็กเซลราดในกระบวนการ และจากที่ได้เห็นว่าโครงการนี้ไปได้ดีเพียงไร โทนี่กล่าวว่าโรงพิมพ์อาจจะกลับมาทำโครงการนี้อีกหากเจ้าหน้าที่สั่งปิดเมืองอีกครั้งมันเป็นประสบการณ์ที่แสนวิเศษที่ได้สามารถสร้างแสงสว่างในยามที่ชีวิตเรามืดมิด” โทนี่กล่าว “ไม่ว่าการสั่งปิดเมืองจะกลับมาหรือไม่ในอนาคตตอนนี้เราได้คุยกันแล้วว่ามันมีอีกหลายวิธีที่เราสามารถจะตอบแทนคืนให้กับชุมชนในอนาคตได้ เราเริ่มติดใจในการให้แล้ว” และในขณะที่ร้านค้าต่างๆกำลังมองหาวิธีสร้างสรรค์อื่นในการที่จะผ่านช่วงระยะเวลาลำบากนี้ไปได้ โทนี่อยากฝากว่า “อย่าประเมิณพลังของเสื้อยืดต่ำเกินไป”