WELCOME TO

PSI MARKETING

PSI Marketing PSI Marketing

Dark Garment Pretreating for DTG – Simplified!

การพ่นปรีทรีตสำหรับผ้าสีเข้ม - ให้กลายเป็นเรื่องง่ายๆ

เรามาคุยกันตรงไปตรงมาดีกว่า : การพ่นปรีทรีตเป็นด้านที่ดูสวยงามน้อยที่สุดของการพิมพ์ DTG แต่นั่นก็ไม่ควรปล่อยให้ความคิดนี้ขวางคุณไม่ให้กระโดดเข้าสู่โลก DTG. ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ในโลก DTG, ช่ำชองแล้วหรือยังคงอยู่ในช่วงคิดตัดสินใจว่าจะทำดีหรือไม่, ผมมั่นใจว่าคุณจะพบเคล็ดลับและเทคนิคต่อไปนี้มีประโยชน์ในการ เดินทางของคุณ

อย่างแรกเลย อะไรคือการปรีทรีต

น้ำยาปรีทรีตเป็นของเหลวที่ถูกใช้ลงโดยตรงบนเสื้อยืดเพื่อช่วยให้หมึกสีขาวจับตัวกับเสื้อได้แทนที่จะซึมลงไป หากไม่มีการปรีทรีต, หมึกสีขาวจะซึมลงไปในผ้า, ทำให้ได้ผลพิมพ์ที่หม่น, ไม่น่าดึงดูดและแน่นอนไม่สามารถขาย งานได้. เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สว่างไสวและสีขาวทึบๆ โดยใช้เครื่องพิมพ์ DTG, จำเป็นต้องใช้น้ำยาปรีทรีต

ทำไมมันถึงสำคัญ

วัตถุประสงค์หลักของปรีทรีตเม้นท์ คือการสร้างพื้นผิวที่เหมาะสมสำหรับการยึดหมึกสีขาวอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้มั่นใจว่าหมึกเกาะกับเส้นใยผ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและให้พื้นผิวที่ราบเรียบสำหรับการพิมพ์สีปรีทรีตเม้นท์ยังช่วยป้องกันไม่ให้หมึกแพร่ออก, ช่วยให้สีสม่ำเสมอ, และช่วยเพิ่มความไม่คงทนในการซัก ทั้งหมดนี้สามารถมีผลต่อลักษณะและความทนทานของการพิมพ์ของชิ้นงานได้

แล้วต้องทำอย่างไรให้ปรีทรีตลงไปบนผ้า

อาจเป็นเหตุผลว่าช่างพิมพ์มีออเดอร์มากขึ้น (หรือแค่ไม่ชอบใช้ที่พ่นด้วยมือ), ส่วนมากแล้วจะอัปเกรดไปใช้ เครื่องพ่นเพื่อช่วยให้พ่นได้แบบการอัตโนมัติและเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการ. เหตุผลอื่นๆที่ลูกค้าเลือกอัป เกรดไปยังเครื่องพ่นปรีทรีตคือเพื่อที่จะสามารถทำ การพ่นภายในอาคารได้ ซึ่งจะใช้พื้นที่เล็กๆข้างๆเครื่องพิมพ์ หรือเพื่อที่จะรักษาร้านของพวกเขาให้สะอาด

ปริมาณปรีทรีตที่พ่นใส่ลงบนเสื้อขึ้นอยู่กับคุณภาพ, น้ำหนัก, และเนื้อผ้าของเสื้อ. ไม่ใช่เสื้อผ้าทุกรุ่นที่จะมีคุณภาพเท่ากัน เมื่อคุณมองที่คำอธิบายของเสื้อทางออนไลน์, ดูรายละเอียดของผ้า. มีความแตกต่างระหว่างผ้าฝ้าย100% ธรรมดา(คุณภาพต่ำ) กับ ผ้าฝ้าย100% แบบริงสปัน(คุณภาพกลาง) หรือ100% แอร์ลูม หรือ ผ้าฝ้ายริงสปันคอมบ์(คุณภาพสูง). โดยทั่วไป, เสื้อผ้าคุณภาพที่ต่ำกว่าก็ต้องใช้ปรีทรีตเม้นท์มากขึ้น, และเสื้อผ้า คุณภาพสูงจะใช้น้อยลง

คุณต้องพิจารณาน้ำหนักของผ้าเช่นกัน. เสื้อที่หนาต้องใช้น้ำยามากกว่าเสื้อที่บาง ให้จำไว้ว่าเนื้อผ้ามีความสำคัญ DTG ใช้หมึกแบบน้ำ(เชื้อน้ำ) ซึ่งทำงานดีที่สุดบนใยธรรมชาติที่พวก มันสามารถดูดซึมได้ เมื่อคุณเริ่มใช้อะไรที่ต่างไปจากผ้าฝ้าย100% ไปสู่ผ้าผสมโพลีเอสเตอร์, หมึกสีขาวจะเริ่มดูสดน้อยลงในการพิมพ์ DTG เนื่องจากโพลีเอสเตอร์ การผสมโพลีที่น้อยอาจไม่แสดงความแตกต่างมากนักแต่เมื่อใช้ผ้าผสมนี้ คุณต้องพ่นปรีทรีต มากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเสื้อผ้าธรรมดาที่มีใยฝ้าย100%. โดยทั่วไป, ผมจะไม่ใช้หมึกสีขาวและพ่นปรีทรีตบนเสื้อผ้าที่ผสมโพลี 50% หรือมากกว่า ซึ่งคุณสามารถใช้การพิมพ์ DTF แทนไปจะดีกว่า

แล้วฉันควรจะพ่นปรีทรีตเม้นท์มากเท่าไหร่

เริ่มต้นที่ดีน่าจะเป็น, เสื้อผ้าที่ทำจากผ้าฝ้าย100% ริงสปันคอมบ์ ด้วยด้ายเบอร์ 30 จะใช้น้ำยาปรีทรีตระหว่าง 18-22 กรัมต่อตารางฟุต. เสื้อผ้าที่มีคุณภาพต่ำกว่านี้สามารถใช้มากถึง 25-27 กรัมต่อตารางฟุต

หากคุณกำลังพ่นด้วยมือ, นี่คือวิธีที่ดีที่สุดในการคำนวณจำนวนกรัมที่คุณกำลังใช้:

1. ตัดกระดาษเป็นช่องขนาด 12×12 นิ้ว

2. ชั่งน้ำหนักเสื้อเป็นกรัมและตั้งค่าตาชั่งเป็น 0 (จะให้ดีคือส่งไปรีดหรืออบความร้อนก่อนหนึ่งครั้ง)

3. วางแม่แบบกระดาษลงบนเสื้อและพ่นภายในพื้นที่นั้น

4. พับเสื้อเพื่อให้พอดีกับเครื่องชั่งและลองชั่งน้ำหนัก

5. คุณจะเห็นปริมาณน้ำยาปรีทรีตที่คุณใช้เป็นกรัม

ตอนนี้, ฉันเข้าใจเป็นอย่างดีว่าคุณจะไม่สามารถทำแบบนี้ได้สำหรับทุกเสื้อที่คุณพ่นและพิมพ์. แต่เมื่อคุณทำการ ทดสอบนี้ แล้วมองที่เสื้อด้วยสายตาเปล่า (แล้วจำไว้ว่ามันใช้น้ำยามากน้อยประมาณไหน), หรือนับเวลาเป็นวินาที ที่ใช้ในการพ่นน้ำยาปรีทรีต. เมื่อคุณมีประสบการณ์มากขึ้นในการพ่นน้ำยาปรีทรีต คุณจะกะประมาณได้แล้วว่า ควรจะพ่นมากขึ้นหรือน้อยลงเท่าไหร่ให้พอดีได้

ผมแนะนำให้คุณซื้อเสื้อผ้าแบรนด์ต่างๆที่มีน้ำหนักและคุณภาพต่างๆกันเพื่อทำการทดสอบด้านบน. หลังจาก นั้นติดป้ายไว้ว่าเสื้อแต่ละแบบใช้น้ำยากี่กรัม หลังจากนั้นพิมพ์ลายสีขาวบนเสื้อ เพื่อดูว่าน้ำยาปรีทรีตที่พ่นไว้มาก หรือน้อยเกินไปโดยดูจากสีขาว ที่ได้เป้าหมายของคุณคือการค้นหาจุดที่ดีที่สุด เพื่อให้รู้ว่าต้องใช้น้ำยาปรีทรีตจำนวนที่น้อยที่สุดเท่าไหร่ เพื่อให้ได้ผลที่ดีที่สุดจำไว้ว่า, ยิ่งสีขาวของคุณขาวเท่าไหร่ การพิมพ์สีก็ยิ่งสดขึ้นเท่านั้น! (ถึงจุดหนึ่งปริมาณน้ำยาปรีทรีตที่พ่นที่มากขึ้นจะไม่ทำให้สีขาวขึ้น และเลยกว่านั้นไปก็ถือว่าสิ้นเปลืองแล้ว)

จะทำยังไงได้บ้าง หากไม่ต้องการให้ต้องมาทำเองเยอะขนาดนี้?

การลงทุนในเครื่องปรีทรีตสามารถช่วยลดภาระการทำงานและการเดาสุ่มได้มาก. ด้วยเครื่องดูแลก่อนพิมพ์, คุณ สามารถตั้งค่าความเร็วของการพ่น, ซึ่งกำหนดว่าจะพ่นน้ำยาปรีทรีตเท่าไรลงบนเสื้อ. เครื่องบางรุ่นมีฟังก์ชั่นที่ เรียกว่า "การทดสอบขั้น" ที่จะพ่นน้ำยาปรีทรีตเม้นท์ในปริมาณหลายระดับลงบนด้านหนึ่งของเสื้อเพื่อให้เมื่อคุณ พิมพ์ลายสีขาวขนาดใหญ่, คุณสามารถดูได้ง่ายๆว่าการตั้งค่าไหนทำงานดีที่สุดกับเสื้อที่คุณกำลังใช้.

แล้วถ้าฉันไม่อยากพ่นน้ำยาปรีทรีตเม้นท์เลยล่ะ?

ไม่ต้องกังวล! คุณยังมีตัวเลือก. วันนี้มีเสื้อพ่นปรีทรีตสำเร็จรูปมากขึ้นในท้องตลาด(ในอเมริกา). ที่คุณต้องทำ คือ หยิบเสื้อจากกล่อง, ทำการรีด, และพิมพ์ มันไม่ได้เป็นการเอาเปรียบอะไรหรอกนะ เพราะบางร้านไม่มีพื้นที่, เวลา, หรือความสามารถในการจะพ่นน้ำยาปรีทรีตได้สะดวกจริงๆ, และนั่นไม่เป็นไร!

ผมแนะนำอย่างมากให้ผู้ที่เริ่มต้น เริ่มด้วยเสื้อที่พ่นน้ำยาปรีทรีตสำเร็จรูปก่อน ในระหว่างที่ปรับตัวทำ ความเข้าใจ กับเครื่องพิมพ์. นอกจากนี้, เสื้อที่พ่นน้ำยาปรีทรีตสำเร็จรูป ยังใช้เป็นตัวเทียบได้ดี คุณสามารถตรวจสอบว่าคุณ พ่นน้ำยาปรีทรีตเองได้ดีเพียงไร โดยใช้สีขาวที่พิมพ์ได้มาเปรียบเทียบ

ถึงเวลาที่สุดท้ายที่จะเลิกอ่านและเริ่มทดสอบ!

การฝึกฝนทำจะทำให้เก่ง, และการเรียนรู้ในการพ่นปรีทรีตเม้นท์ก็ไม่ได้มีข้อยกเว้น. ใช่, มันดูน่าตกใจและมีความ ยากลำ บากเล็กน้อย. มันเป็นเรื่องปกติที่จะสูญเสียเสื้อขณะกระบวนการ, แต่นั่นคือลักษณะของอุตสาหกรรมของเรา. หากคุณยังคงประยุกต์ใช้กฎข้อนี้ ละพยายามอย่างต่อเนื่อง, มันจะกลายเป็นทักษะทันที เช่นเดียวกับทุกสิ่ง ทุกอย่างในชีวิต, เราเรียนรู้ผ่านการทดลองและความผิดพลาด และนั่นคือวิธีเดียวที่เราสามารถทำให้ทุกสิ่งเป็นไป ตามที่ถูกต้องและเริ่มทำเงิน!